วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

 Google Drive
              Google Drive  หมายถึง  Online Service ประเภท Cloud Technology ที่มีไว้สำหรับให้ผู้ใช้จัดเก็บข้อมูลลงไปในนั้น เราสามารถใช้ได้ฟรี (แต่ต้องมี Gmail Account ก่อน) โดยการใช้ฟรีนั้น จะมีเนื้อที่ให้ใช้ 5GB (Gigabytes) ซึ่งก็ถือว่ามีขนาดใหญ่ แต่ถ้าหากต้องการเนื้อที่เพิ่มเติมมากกว่านั้น ก็สามารถทำได้โดยการเสียค่าบริการ เป็นรายเดือน หรือ รายปีการนำข้อมูลลงไปจัดเก็บใน Google Drive   มีหลายวิธีคือ1.เข้าผ่าน Web Browser แล้วเข้าไปที่ Gmail.com แล้วกดไปที่ Documents หรือว่า Drive Menu
2.เข้าผ่าน Windows Explorer โดยไปที่ Folder ของ Google Drive ซึ่งก่อนจะเข้าด้วยวิธีนี้ได้จำเป็นที่จะต้อง Download โปรแกรม Google Drive ที่ติดตั้งไว้บนเครื่องก่อนซึ่ง รองรับได้ทั้ง Windows และ Mac OSX3.เข้าผ่าน Mobile Device ประเภท iPhone, iPad หรือ Android  ประโยชน์ของGoogle Drive อย่างแรกเลยก็คือ ผู้ใช้สามารถเข้าถึง file งาน ได้ทั้งบน  Computer ทั่วไป และ บนมือถือ  นั่นหมายความว่า ถ้าทำงานบน Computer แล้วเก็บข้อมูลไว้ใน Folder ของ Google Drive แล้วปิดเครื่องไป ออกนอกสถานที่ แล้วเปิดด้วย iPhone  ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เพิ่งทำไว้บน Computer ได้  หรือในทางกลับกัน โดยที่ Google Drive จะทำหน้าที่ copy files, upload files หรือ sync files ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ให้โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ สามารถเรียกไฟล์ใน Folder นั้นๆ ออกมาได้ อย่างที่สองคือ ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ใช้นำเข้าไปไว้ใน Google Drive นั้น สามารถแชร์ (Share) ให้ผู้ใช้คนอื่นได้ อย่างที่สามคือ ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ที่ถูกนำเข้าไปไว้ใน Google Drive นั้น สามารถค้นหาข้อมูลได้เต็มรูปแบบ (Full Text Search) หมายความว่าเราสามารถค้นหา สิ่งที่อยู่ในเนื้อหาภายในไฟล์นั้นด้วยเช่นเดียวกันและก็อย่างที่สี่คือ สำหรับองค์กรธุรกิจ Google Drive นั้นทาง Google จะเปิดบริการนี้ให้กับลูกค้าองค์กรของ Google ด้วยเช่นกัน (Google มีระบบ Email ที่เอาไว้ให้ ลูกค้าองค์กรใช้ด้วย ชื่อว่า Google Apps for Business  เป็นอีกหนึ่งบริการของ Google ที่จะทำให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มธุรกิจหรือบริษัท นั้น สามารถใช้  Email ของบริษัท โดยมี Features ความสามารถต่างๆ เหมือน Gmail.com ทุกประการ แต่ว่ายังคงใช้ Domain Name เดิม 


 Clouding  Computing
         Cloud Technology หรือ Cloud Computing คือ เทคโนโลยีของระบบประมวลผลรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนมุมมองของผู้ใช้ให้เป็นไปในมุมมองในลักษณะคล้ายๆ กับการใช้ทรัพยากรสาธารณูปโภคที่มีผู้ให้บริการหมายความว่าผู้ใช้สามารถใช้ Cloud Technology ในลักษณะคล้ายๆ กับการใช้บริการ โดยเสียค่าบริการเป็น Pay per use จ่ายเท่าที่ใช้หรือจะใช้ประจำทุกเดือน   โดยในปัจจุบัน องค์กรสามารถใช้ Cloud Technology ได้ 2-3 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 (Software as a Service, SaaS)  ในรูปแบบนี้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและข้อมูลองค์กรได้ทุกที่ ทุกเวลา ที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้โดยผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Business Software บน Cloud Technologyได้ทันที   รูปแบบที่ 2 (Infrastructure as a Service, IaaS)   รูปแบบนี้จะสะดวก ยืดหยุ่น และ ง่ายต่อการบริหารทรัพยากร IT ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Virtual Server/ Virtual Machine บน Cloud Technology ได้ทันที  และรูปแบบที่ 3 (Platform as a Service, PaaS)  เป็นรูปแบบที่กำลังจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้   เพื่อให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่อาศัยคุณสมบัติข้อดีของ Cloud ได้อย่างดีเยี่ยม รูปแบบนี้ซับซ้อนมากขึ้นกว่า 2 รูปแบบแรก ซึ่งผู้ใช้ Cloud ในรูปแบบนี้จะเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) ที่ต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานบน Cloud และให้ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นนั้นใช้คุณสมบัติต่างๆของ Cloud ที่จะไม่สามารถหาได้จากสภาวะปกติ (Non-cloud computing)